" วัดยาง พระอารามหลวง "


ภาพนี้ถ่ายจากด้านในของวัดค่ะ

สวัสดีค่ะ วันนี้แอดมินพระพุทธไทย  ขอนำเสนอภาพการเดินทางไปกราบสักการะและทำบุญที่วัดยางพระอารามหลวง มาให้ชมกันค่ะ
วัดยาง เป็นวัดที่ตั้งอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกล จากที่พักของพวกเราทีมงานพระพุทธไทยนัก  ใช้เวลาเดินทางประมาณ 30 นาที ก็ไปถึง และวัดนี้ พวกเราก็มักจะมีโอกาสได้ไปกราบหลวงพ่อโตกันอยู่บ่อยๆ ซึ่งหลวงพ่อโต เป็นพระพุทธรูปที่ศักดิ์สิทธิ์มากๆ ในแต่ละวันจะมีประชาชนเดินทางมาสักการะหลวงพ่อ มิได้ขาด
วันนี้พวกเราได้มีโอกาส ถวายห่มผ้าจีวร หลวงพ่อโตด้วย ซึ่งพุทธศาสนิกชนที่มาทำบุญที่วัดยาง สามารถทำบุญห่มผ้าจีจรหลวงพ่อโต พระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ ได้ทุกวัน
หลังจากเสร็จการถวายผ้าหลวงพ่อโตแล้ แอดมินได้ถ่ายรูปภายในวิหารหลวงพ่อ และภายในบริเวณวัด มาฝากทุกท่านให้ได้ชมกันค่ะ

หลวงพ่อโต พระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ แห่งวัดยาง

ประวัติ วัดยางพระอารามหลวง

วัดยาง (หลวงพ่อโต) ตั้งอยู่เลขที่ 1197 ถ. สุขุมวิท 77 ซ. อ่อนนุช 23 แขวงสวนหลวง  เขตสวนหลวง กรุงเทพมหานคร  สังกัดคณะสงฆ์มหานิกาย

วัดยางตั้งอยู่ริมคลองพระโขนง  เมื่อเราเดินทางด้วยเรือจากพระโขนงไปประเวศ  วัดจะอยู่ทางขวามือ  คำว่า “วัดยาง” ตามประวัติเล่าว่า  เป็นวัดที่มีพระสงฆ์อยู่จำพรรษาแต่เดิม  อยู่มาเมื่อองค์หลวงพ่อโต  ซึ่งเป็นพระพุทธรูปไม้แกะสลักปางมารวิชัย  ได้ลอยน้ำมาหยุดหรือมายั้งยังบริเวณท่าน้ำหน้าวัด ชาวบ้านซึ่งอยู่บริเวณรอบๆวัดในครั้งนั้นซึ่งเป็นคนลาวที่อพยพมา ตั้งบ้านเรือนอยู่เป็นจำนวนมาก  จึงได้อัญเชิญองค์หลวงพ่อขึ้นไว้บูชาสักการะที่วัด  จึงได้เรียกวัดยั้ง  กาลต่อมาคนลาวน้อยลง  คนไทยมาอยู่อาศัยมากขึ้นคำว่า  “วัดยั้ง”  เลยเพี้ยนเป็น “วัดยาง” มาจนถึงปัจจุบันนี้ ส่วนคลองที่คนลาวมาอยู่อาศัยยังคงมีชื่อว่าคลอง  “บ้านหลาย” (บ้านมาก)  ซึ่งห่างจากวัดยางไปประมาณ  600  เมตร

ถวายห่มผ้าจีวร หลวงพ่อโต (คุณโชคชัยอยู่ด้านหลังหลวงพ่อ) 

วัดยางเป็นวัดที่สร้างมานานแต่ยังไม่สามารถที่จะสืบค้นเรื่องราวความเป็นมาได้ และก็รวม ไปถึงประวัติของพระพุทธรูปสำคัญ คือ หลวงพ่อโต ซึ่งเป็นพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ มีผู้เคารพนับถือ กันไม่น้อย จากรายละเอียดเล็ก ๆ น้อยๆ ของข้อมูลเท่าที่พอจะหา ได้จากคำบอกเล่าของผู้เฒ่า อายุเกินกว่า 90ปี(ปัจจุบันเสียชีวิตแล้ว) ว่าบิดาของท่านเคยบอกให้ฟังว่า เกิดมาก็เห็นหลวงพ่อโต  ประดิษฐานอยู่ที่วัดแล้ว  และสภาพดั้งเดิมของวัด ได้เปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลา  จนกระทั่งไม่เหลือเค้าอยู่จึงได้แต่สันนิษฐานจากคำบอกเล่า และการเทียบเคียงกับวัด ในละแวกใกล้ ๆ กันที่เป็นวัดเก่าและคิดว่ามีอายุไล่เรี่ยกัน ในชั้นต้นนี้พอจะอนุมานไว้ก่อนว่าเป็นวัดที่สร้างขึ้น ในสมัยรัตนโกสินทร์  มีอายุราว  200  ปีขึ้นไป ปัจจุบันการคมนาคมไปยังวัดนับว่าสะดวกมาก โดยทางเข้าปากซอยอ่อนนุช ด้านถนนสุขุมวิท 77ระยะทางประมาณไม่เกิน 3กิโลเมตรก็ถึง สภาพทั่วไปของวัดยาง มีความเจริญและ ความพร้อมทุกด้าน ซึ่งทั้งหมดนี้ล้วนแล้วแต่เป็นผลงานที่เกิดขึ้นจากความสามารถของ พระพิศาลพัฒนโนดม (บุญช่วย ธมฺมรกฺขิโต) เจ้าอาวาสรูปปัจจุบัน นับตั้งแต่ปี พ.ศ.2496 เป็นต้นมา 

ขอบคุณข้อมูล
http://www.watyanglaungporto.com/index.php

พระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ในวิหารหลวงพ่อโต

บาตรน้ำมนต์ใบใหญ่มากๆ 

หอบาตรน้ำมนต์ วัดยาง 

หอบาตรน้ำมนต์ วัดยาง 

ภาพที่ได้นำมาให้ชมกันในวันนี้ เป็นแต่เพียงภาพบางส่วนของวัดยางพระอารามหลวงเท่านั้นค่ะ และแอดมินเชื่อแน่ว่า หากท่านใดที่เคยไปกราบสักการะหลวงพ่อโตที่วัดยางแห่งนี้แล้ว จะต้องอยากกลับไปกราบท่านอีก ด้วยกิติศัพท์ความศักดิ์ของหลวงพ่อโต ที่ประชาชนที่ได้เดินทางไปสักการะ บนบาน ขอพรหลวงพ่อ เมื่อสำเร็จก็จะกลับมาแก้บนท่าน และพวกเรายังเคยเห็นบ่อยๆ ที่ประชาชนนำสิ่งของมาแก้บนหลวงพ่อ  วันนั้นที่เราเห็นก็มี ขนมไทยหลากหลายชนิด อาหารคาวหวาน และมีขนุนลูกใหญ่มาก1ลูก  ที่มีคนนำมาถวายท่าน  และสิ่งนี้ก็เป็นเครื่องแสดงให้เห็นถึงความศักดิ์สิทธิ์ของหลวงพ่อโต วัดยาง ที่พุทธศาสนิกชนโดยทั่วไปเคารพศรัทธา ต่อองค์หลวงพ่อได้เป็นอย่างดี 

     และเมื่อหลายปีก่อน คุณแม่ของ คุณโชคชัย (ผู้ก่อตั้งเวป) ก็เคยได้ไปบนบานขอกับหลวงพ่อโต ด้วยเช่นกัน เรื่อง ขอให้คุณโชคชัย สอบให้ได้ เป็นเนติบัณฑิต ซึ่งก็เป็นที่ทราบกันอยู่ว่า คุณวุฒิเนติบัณฑิตนั้น  เป็นคุณวุฒิที่ได้รับการยอมรับอย่างมากในวงการนักกฎหมาย และที่สำคัญที่สุดคือ ผู้ที่ต้องการจะสอบข้าราชการในตำแหน่ง ผู้พิพากษา หรือพนักงานอัยการนั้น ผู้นั้นจะต้องสอบให้ได้ เป็นเนติบัณฑิตเสียก่อน ซึ่งตรงจุดนี้เอง ด้วยความเป็นห่วงของคุณแม่ คุณโชคชัย ท่านจึงได้ไปบนบานขอพรกับหลวงพ่อโต ณ วัดยางแห่งนี้ สิ่งของที่คุณแม่ได้บนกับหลวงพ่อคือ หากลูกชาย (คุณโชคชัย) สอบได้เป็นเนติบัณฑิต จะนำดอกบัว จำนวน 100 ดอก มาถวายหลวงพ่อ

และแล้วเมื่อผลสอบออก ปรากฏว่า คุณโชคชัย สอบได้เป็นเนติบัณฑิต สมดังดั่งใจปรารถนา จึงได้นำดอกบัวมาถวายแก้บนหลวงพ่อโต ตามที่ได้บนบานขอจากท่าน จากวันนั้น จนถึงทุกวันนี้ก็เป็นเวลาเกือบสิบปีแล้ว แต่ความศักดิ์สิทธิ์ของหลวงพ่อก็คงเป็นที่ประจักษ์อยู่ตลอดมา  
 

และหากท่านใดที่อาจจะเคยมากราบหลวงพ่อโต ณ วัดยางแห่งนี้เป็นครั้งแรก หรือเพิ่งจะเคยมา ก่อนจะเข้าไปกราบหลวงพ่อ หรือกำลังจะเดินทางกลับ หากท่านคิดจะมองหาร้านอาหารอร่อยๆ ราคาประหยัด ขอแนะนำ ร้าน เคี้ยงเอ็มไพร์ ซึ่งเป็นร้านขายราดหน้า เจ้าอร่อย อยู่ตรงข้ามกับทางเข้าวัดยาง พอดี๊พอดีเลยค่ะ ราดหน้าเค้าอร่อยมากค่ะ หากมีโอกาสไปกราบหลวงพ่อ หรือแวะผ่านไป ลองแวะทานดูนะคะ  ของเค้าอร่อยจริงๆ 

" แผนที่วัดยาง พระอารามหลวง "

วัดบางพลีใหญ่ใน 
ตามที่ได้เกริ่นไว้ เมื่อคราวที่แล้วว่า จะนำภาพการทัวร์วัด ทำบุญ ที่วัดบางพลีใหญ่ใน มาให้ได้ชมกันนะคะ ลองตามแอดมินมาค่ะ จะพาไปเที่ยววัดบางพลีใหญ่ใน ค่ะ ....
วัดบางพลีใหญ่ใน ตั้งอยู่ริมคลองสำโรง ตำบลบางพลีใหญ่ อยู่ไม่ไกลจากวัดบางพลีใหญ่กลางเท่าไรนัก  เดิมชื่อวัดพลับพลาชัยชนะสงคราม เป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูปองค์ใหญ่สมัยสุโขทัยปางมารวิชัยลืมเนตร หน้าตักกว้าง 3 ศอก 1 คืบ เนื้อทองสัมฤทธิ์ เป็นพระประธานในพระอุโบสถ เป็นที่เลื่อมใสของพุทธศาสนิกชนโดยทั่วไป นามหลวงพ่อโต วัดนี้จึงมีอีกชื่อหนึ่งว่า “วัดหลวงพ่อโต”  ในวันขึ้น 14 ค่ำ เดือน 11 ชาวบางพลีได้อัญเชิญหลวงพ่อโตจำลองลงเรือในพิธีโยนบัวหรือรับบัวของทุกปี ซึ่งถือเป็นพระเพณีปฏิบัติสืบทอดมาจนถึงปัจจุบัน
นอกจากจะเป็นวัดทีมีประวัติความเป็นมาอันยาวนาน ที่พุทธศาสนิกชนให้ความเคารพศรัทธาต่อองค์หลวงพ่อโตที่ศักดิ์สิทธิ์ยิ่งแล้ว บริเวณที่ติดกับวัด ยังมีตลาดริมน้ำโบราณ ที่มีอายุยาวนานมากว่า 150 ปี ที่ยังคงสภาพเดิมให้นักท่องเที่ยวได้เดินชม และเลือกซื้อสินค้า ซึ่งมีทั้งอาหารและของใช้ต่างๆ มากมายอีกด้วย ซึ่งเป็นเสน่ห์อีกอย่างหนึ่งของวัด ที่หาดูได้ยาก และในแต่ละวันจะมีนักท่องเที่ยว ประชาชนทั่วไป มากราบสักการะหลวงพ่อโต ที่วัดบางพลีใหญ่ในแห่งนี้ เป็นจำนวนมาก ยิ่งเป็นหน้าเทศกาลด้วยแล้ว ผู้คนจะยิ่งแน่นขนัดไปโดยปริยาย 

ประวัติวัดบางพลีใหญ่ใน

วัดบางพลีใหญ่ในเดิมชื่อ วัดพลับพลาชัยชนะสงคราม ชาวบ้านบริเวณใกล้เคียงเรียกวัดนี้ว่า วัดใหญ่หรือ วัดหลวงพ่อโตทางประวัติศาสตร์จากโบราณคดีจารึกสืบต่อกันมาแต่ครั้งโบราณกาลว่า วัดนี้สร้างขึ้นในสมัยสมเด็จพระนเรศวรมหาราช หลังจากเสียกรุงศรีอยุธยา มาถึง 2 ครั้ง ในปี พ.ศ. 2112 และ พ.ศ. 2310 สมเด็จพระนเรศวรมหาราชได้ทรงกอบกู้อิสรภาพ สู่ความเป็นไทยอีกครั้งหนึ่ง จนอาณาเขตของประเทศ (สยาม) ขยายออกไปอีกอย่างกว้างขวาง
ส่วนชื่อของตำบลนั้นได้ชื่อว่า บางพลี ก็เพราะเหตุที่สมเด็จพระนเรศวร ได้ทรงกระทำพิธีพลีกรรมบวงสรวงนั้นเอง ดังนั้นประชาชนทั้งหลายจึงเรียกว่าบางพลีและวัดพลับพลาชัยชนะสงคราม วัดพลับพลาชัยชนะสงคราม เป็นวัดที่อยู่ด้านใน มีอาณาเขตใหญ่โตซึ่งต่อมาได้มีพระพุทธรูปองค์ใหญ่เป็นมิ่งขวัญของวัดจึงเรียกว่า วัดบางพลีใหญ่ใน หรือ วัดหลวงพ่อโต มาจนถึงตราบทุกวันนี้

ประวัติหลวงพ่อโต
ตามตำนานประวัติของหลวงพ่อโต ที่เล่าสืบต่อกันมาว่า มีพระพุทธรูป 3 องค์  ซึ่งชาวกรุงศรีอยุธยาได้อาราธนาลงสู่แม่น้ำ เพื่อหลบลี้หนีภัยสงคราม พระพุทธรูปทั้ง 3 องค์ได้ล่องลอยมาตามลำน้ำและได้แสดงอภินิหารระหว่างทางจนเป็นที่โจษขานกันทั่วไป ประชาชนในท้องที่ตำบลต่าง ๆ ได้พยายามอาราธนาท่านขึ้นสู่ฝั่ง แต่ก็ไม่สำเร็จ จนในที่สุด พระพุทธรูปองค์หนึ่งได้ไปขึ้นประดิษฐานอยู่ที่ วัดบ้านแหลม จังหวัดสมุทรสงคราม 
ส่วนองค์ที่สองไปขึ้นประดิษฐานอยู่ที่วัดโสธร  จังหวัดฉะเชิงเทรา และอีกองค์หนึ่งได้ล่องลอยเรื่อยมาตามลำแม่น้ำเจ้าพระยา และปาฏิหาริย์ลอยวกเข้ามาในลำคลองสำโรง ประชาชนจึงพร้อมกันอาราธนาท่านขึ้นที่ปากคลองสำโรง แต่ท่านก็ไม่ยอมขึ้น จึงได้ทำพิธีเสี่ยงทาย ต่อแพผูกชะลอกับองค์ท่าน แล้วใช้เรือพายฉุดท่านให้ลอยตามลำน้ำสำโรงและอธิษฐานว่า หากท่านประสงค์จะขึ้นโปรดที่ใดก็ขอจงได้แสดงอภินิหารให้แพที่ลอยมาจงหยุด ณ ที่นั้นเถิด จนแพลอยมาถึงบริเวณหน้าวัดพลับพลาชัยชนะสงคราม หรือวัดบางพลีใหญ่ใน ท่านจึงหยุดนิ่ง ชาวบ้านจึงได้พร้อมใจกันอาราธนาตั้งจิตอธิษฐานนำท่านขึ้นจากน้ำได้ในที่สุด และต่อมาได้สร้างพระอุโบสถสำหรับเป็นที่ประดิษฐานหลวงพ่อโตมาจนถึงปัจจุบัน

พระพุทธรูปในวิหาร วัดบางพลีใหญ่ใน มีทั้งพระพุทธรูปเก่า ใหม่ 

กราบสักการะหลวงพ่อโต ณ พระอุโบสถแล้ว ก็มากราบพระในวิหาร